I-BEAM – เหล็กไอบีม
รายละเอียดสินค้า
เหล็กไอบีม มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น เหล็กตัวไอ เหล็กปีกไอ เสาบีม โดยเหล็กไอบีม จัดเป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot rolled structural steel) ลักษณะหน้าตัดเป็นรูปตัวไอ (I) มีรูปทรงที่ใกล้เคียงกับเหล็กเอชบีม สามารถสังเกตจุดต่างได้บริเวณปีกของเหล็ก เหล็กเอชบีม (H-Beam) ปีกทั้งบนและล่าง จะเป็นแผ่นเรียบ ทำมุมฉากเท่ากันตลอด ส่วนเหล็กไอบีม (I-Beam) ปีกจะเป็นมุมลบเหลี่ยม แผ่นเอียง ความกว้างและความสูงแต่ละด้านไม่เท่ากัน โดยเหล็กไอบีม จะสามารถรับน้ำหนัก รองรับการกระแทกได้มากกว่า
เหล็กไอบีม (I-BEAM) เหมาะสำหรับ การนำไปใช้ทำรางเครน (Crane Girder) ในโรงงานอุตสาหกรรม งานเครื่องจักร ทำเสา คาน งานโครงสร้างต่างๆ ที่ต้องรองรับน้ำหนักมากๆ
สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่จะนำเหล็กไอบีม SS400,SS54 ไปใช้งาน
มาตรฐาน
ประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพ มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือ มอก. 1227-2558 (2015)
GRADE : SS400 SS490 SS540 SM400 SM490 SM520
มีความยาวให้เลือกตั้งแต่ 1 เมตร, 6 เมตร, 9 เมตร, 12 เมตร
Description
เหล็ก ไอบีม I-BEAMS มอก. 1227-2558 เหมาะสำหรับการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ หรืองานโครงสร้างชนิดต่างๆ เช่นโรงงาน โครงหลังคา อาคารสูง เสาและ เสาส่งไฟฟ้า นิยมใช้กับงาน ที่รับแรงมากเช่น รางเครน น้ำหนักเหล็กจะสูงกว่า เอชบีม และสามารถรับน้ำหนักได้ดีกว่าเหล็กเฮชบีม หน้าตัดรูปตัวไอ I-BEAM ปีกเหล็กจะหนาขึ้นที่โคนปีก จึงรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เหมาะกับงานเครื่องจักร รางเครน เป็นต้น
ในเรื่องของการนำไปใช้ เหล็ก H-BEAM กับ I-BEAM นั้นผลิตขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน H-BEAM จะใช้สำหรับโครงสร้างขนาดย่อมๆ เช่น งานบ้าน หรืออาคารขนาดเล็ก รับน้ำหนักได้ดี แต่รับแรงกระแทกได้ไม่มาก ซึ่งต่างจากเหล็ก I-BEAM ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับแรงกระแทกหนักๆ อย่างรางเลื่อน ตัวเครนยกของหนักๆ ตามโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างขนาดใหญ่
ข้อดีของการใช้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน
- ลดระยะเวลาการก่อสร้าง ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยของโครงการ เปิดใช้งานได้รวดเร็ว
- เตรียมงานจากโรงงานได้ และใช้แรงงานน้อยกว่าการก่อสร้างด้วยระบบอื่น
- ออกแบบโครงสร้างให้มีช่วงเสากว้าง กว่าโครงสร้างระบบอื่น ไม่เปลืองพื้นที่ใช้งาน
- ออกแบบงานสถาปัตยกรรมได้หลากหลายเช่น ตัดโค้ง ทำใครงสร้างโปร่ง หรือทำส่วนยื่่นได้มาก
- โครงสร้างมีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดฐานราก ลดการขนส่ง และพื้นที่กองเก็บวัสดุ
- ตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพ และบำรุงรักษาได้สะดวกกว่าโครงสร้างอื่น
- มีความแข็งแรง สามารถรับแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหว ได้ดีกว่าโครงสร้างระบบอื่น
- ก่อสร้างในที่จำกัดได้สะดวก ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะฝุ่น
- ดัดแปลง ต่อเติม หรือรื้อไปสร้างใหม่ได้ ไม่ต้องทุบทิ้ง
- สามารถนำวัสดุมาหมุนเวียนได้ 100%
PRODUCT SPECIFICATION
Nominal Size |
Standard Sectional Dimension |
Weight |
||||||||
H |
B |
t1 |
t2 |
r1 |
r2 |
|||||
mm |
mm |
mm |
mm |
mm |
mm |
mm |
kg/m |
kg/6m |
kg/9m |
kg/12m |
150 x 75 | 150 | 75 | 5.5 | 9.5 | 9 | 4.5 | 17.1 | 102.6 | 153.9 | 205.2 |
200 x 100 | 200 | 100 | 7 | 10 | 10 | 5 | 26 | 156 | 234 | 312 |
200 x 150 | 200 | 150 | 9 | 16 | 15 | 7.5 | 50.4 | 302.4 | 453.6 | 604.8 |
250 x 125 | 250 | 125 | 7.5 | 12.5 | 12 | 6 | 38.3 | 229.8 | 344.7 | 459.6 |
250 x 125 | 250 | 125 | 10 | 19 | 21 | 10.5 | 55.5 | 333 | 499.5 | 666 |
300 x 150 | 300 | 150 | 8 | 13 | 12 | 6 | 48.3 | 289.8 | 434.7 | 579.6 |
300 x 150 | 300 | 150 | 10 | 18.5 | 19 | 9.5 | 65.5 | 393 | 589.5 | 786 |
300 x 150 | 300 | 150 | 11.5 | 22 | 23 | 11.5 | 76.8 | 460.8 | 691.2 | 921.6 |
350 x 150 | 350 | 150 | 9 | 15 | 13 | 6.5 | 58.8 | 351 | 526.5 | 702 |
350 x 150 | 350 | 150 | 12 | 24 | 25 | 12.5 | 87.2 | 523.2 | 784.8 | 1046.4 |
400 x 150 | 400 | 150 | 10 | 18 | 17 | 8.5 | 72 | 432 | 648 | 864 |
400 x 150 | 400 | 150 | 12.5 | 25 | 27 | 13.5 | 95.8 | 574.8 | 862.2 | 1149.6 |
450 x 175 | 450 | 175 | 11 | 20 | 19 | 9.5 | 91.7 | 550.2 | 825.3 | 1100.4 |
450 x 175 | 450 | 175 | 13 | 26 | 27 | 13.5 | 115 | 690 | 1035 | 1380 |
600 x 190 | 600 | 190 | 13 | 25 | 25 | 12.5 | 133 | 798 | 1197 | 1596 |
600 x 190 | 600 | 190 | 16 | 35 | 38 | 19 | 176 | 1056 | 1584 | 2112 |
เหล็กไวด์แฟรงค์ เหล็กไอบีม เหล็กเอชบีม ความคล้ายที่แตกต่าง
เหล็กไวด์แฟรงค์ เหล็กไอบีม เหล็กเอชบีม (Wide Flange, I beam, H beam) แตกต่างกันอย่างไร บางคนมักมองไม่เห็นความแตกต่างของเหล็กแต่ละชนิด และ ถ้าหากหน้าตาของเหล็กมีควาามคล้ายคลึงกัน แตกต่างกันเล็กน้อย ยิ่งทำให้ไม่สามารถแยกเหล็กแต่ละชนิดออกได้ และไม่สามารถนำไปใช้งานให้ตรงกับลักษณะงานก่อสร้างของตนเองได้เช่นกัน ดังนั้น เรามาศึกษาวิธีการแยกความแตกต่างของเหล็กแต่ละชนิดสามารถทำได้ ดังนี้
เหล็กไวด์แฟรงค์ WIDE FLANGE
เหล็กเอชบีม H BEAM
เหล็กไอบีม I BEAM
- เหล็กไวแฟรงค์ WF จะมีลักษณะเด่นตรงที่ ความกว้างของแผ่นเหล็กตรงกลางจะมากกว่าปีกทั้งที่ข้าง และ มีความหนาเท่ากันตลอดทั้งแผ่น เหล็กโครงสร้างชนิดนี้จึงมีเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยเชื่อมระหว่างส่วนต่างๆ เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง เสา คาน โครงสร้างหลังคา นิยมในงานโครงสร้าง ซึงนำมาใช้แทนโครงสร้างคอนกรีต เพราะการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ลดขั้นตอนการทำงาน การดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายกว่า และมีสไตล์ที่โดดเด่นกว่า
- เหล็กเอชบีม เหล็ก ตัว H ลักษณะเด่นคือ ปีกมีความกว้างเท่ากันกับความกว้างของแผ่นตรงกลาง ดีไซน์ลักษณะของตัวเหล็กเป็นรูปตัวเอช นิยมใช้ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ เพราะลักษณะเฉพาะตัวที่สวยงามเป็นเทรนด์ก่อสร้างที่ทันสมัย แข็งแรงคงทน เป็นโครงสร้างหลักได้ดี ควรค่าแก่การลงทุน
- เหล็กไอบีม เหล็กตัวไอ จะมีลักษณะของ ปีกบนและปีกล่างเป็นแผ่นเอียง ความหนาของเหล็กมากกว่า เพื่อสามารถรับแรงกระแทกได้ดี เหล็กโครงสร้างชนิดนี้จึงมีเนื้อเดียวกัน มีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า H-Beam เหมาะสมกับงานก่อสร้างที่รับน้ำหนักมาก รับแรงกระแทกสูง เหมาะสมกับงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น รางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่น จะนิยมนำไปทำรางเคนยกของที่มีน้ำหนักมาก
APPLICATIONS
สำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก
OUR CUSTOMER
เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในส่วนของภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนโครงการต่างๆ มากมาย เป็นความภาคภูมิใจ ในการพัฒนาองค์กรของเราให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น