ROUND BAR – เหล็กเส้นกลม
รายละเอียดสินค้า
เหล็กเส้นกลม (Round Bar) หรือที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า RB ยังมีชื่อเรียกอีกหลากหลาย เช่น เหล็กเส้น เหล็กกลม เหล็กกลมตัน โดยเหล็กเส้นกลม จัดอยู่ในประเภทของเหล็กเส้น มีลักษณะเป็นเส้นกลม ผิวเรียบเกลี้ยง หน้าตัดกลม ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีปีก ไม่มีรอยปริแตก ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน รับรองตามมาตรฐานมอก. 20-2559 โดยเกรดของเหล็กเส้นกลมจะใช้เป็น SR24 มีเส้นผ่าศูนย์กลางของเหล็กเส้นอยู่ที่ 6 – 28 มม.
นิยมนำไปใช้ในการรับแรง สำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กและงานก่ออิฐทั่วไป หรือใช้เป็นเหล็กปลอกในคาน ในเสา งานก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็ก เช่น อาคารพาณิชย์ บ้าน และงานก่อสร้างทั่วๆ ไป ,งานก่อสร้างเสริมคอนกรีต เช่น อาคารพาณิชย์, สำนักงาน, ที่พักอาศัย, บ้านเรือนทั่วไป, งานเฟอร์นิเจอร์, สะพาน, ทำรั้ว, ถนน, พื้น, วัสดุอุปกรณ์งานการเกษตร และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ
มาตรฐาน
- ประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพ มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือ มอก. 20-2559
- GRADE : SR24
- มีความยาวมาตรฐาน 10 เมตร และ 12 เมตร
Description
เหล็กเส้นกลมคุณภาพดีต้องผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 20-2559 เกรด SR 24 ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้นเริ่มต้นจาก 6 มม. – 28 มม. มีความยาวมาตรฐาน 10 และ 12 เมตรตามลำดับ
เหล็กกลมผิวเรียบ SR24 มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 2400 ksc. (กก./ตร.ซม.) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดต่างๆ เช่น RB6 (หมายถึง Round Bar ขนาด ศก.6 มม.)
PRODUCT SPECIFICATION
TYPE |
DIAMETER |
Cross Sectional Area |
Weight |
||
(sq.mm) |
kg/m |
kg/10m |
kg/12m |
||
RB6 | 6 | 28.3 | 0.222 | 2.22 | 2.664 |
RB8 | 8 | 50.3 | 0.395 | 3.95 | 4.74 |
RB9 | 9 | 63.6 | 0.499 | 4.99 | 5.988 |
RB10 | 10 | 78.5 | 0.616 | 6.16 | 7.392 |
RB12 | 12 | 113.1 | 0.888 | 8.88 | 10.656 |
RB15 | 15 | 176.7 | 1.387 | 13.87 | 16.644 |
RB19 | 19 | 283.5 | 2.226 | 22.26 | 26.712 |
RB22 | 22 | 380.1 | 2.984 | 29.84 | 35.808 |
RB25 | 25 | 490.9 | 3.853 | 38.53 | 46.236 |
RB28 | 28 | 615.8 | 4.834 | 48.34 | 58.008 |
เหล็กเส้นกลม คือ เหล็กเส้นสำหรับงานก่อสร้าง หรือเรียกสั้นๆว่า RB
RB6 (เหล็กเส้นกลม 2 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก นิยมใช้ทำปอกเสา และปอกคาน
RB9 (เหล็กเส้นกลม 3 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก คล้ายกับเหล็กเส้นกลม 2 หุน
RB12 (เหล็กเส้นกลม 4 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป แต่ไม่เน้นงานยึดเกาะ เพราะเหล็กมีลักษณะเรียบมน ทำให้ยึดเกาะปูนไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนมากนิยมใช้กับงานกลึง เช่น งานกลึงหัวน๊อตต่างๆ
RB19 ใช้สำหรับงานทำถนน
RB25 ขึ้นไป ใช้ทำเป็นเหล็กสตัท เกรียวเร่ง สำหรับงานยึดโครงป้ายขนาดใหญ่สามารถรับแรง และน้ำหนักได้ดี
ทั้งนี้ เหล็กเส้นกลมมักไม่นิยมใช้ในงานยืดเกาะ เช่น ปูน เพราะเหล็กเส้นกลมมีผิวที่เรียบเนียน จึงยึดเกาะกับวัสดุอื่นๆ ได้ไม่ดีพอ ผู้รับเหมาจึงใช้เหล็กเส้นข้ออ้อยที่ยึดเกาะได้ดีกว่า แทนเหล็กเส้นกลม
ขั้นตอนการเลือกเหล็กเส้นกลมคุณภาพดี มีดังนี้
- ผิวของเหล็กต้องเรียบ เกลี้ยง ไม่มีลูกคลื่นหรือรอยแตก
- มีเส้นผ่านศูนย์กลางและน้ำหนักถูกต้อง
- ถ้าทำการดัดโค้ง งอ ต้องไม่ปริแตกหรือหักได้โดยง่าย
- เนื้อเหล็กต้องไม่เป็นสนิม แต่หากเป็นสนิมบ้างในบริเวณผิวเหล็ก ถือว่ายังสามารถใช้งานได้ นั่นเป็นเพราะสภาพอากาศของประเทศไทยมีความชื้นสูง จึงอาจจะทำให้เกิดสนิมบ้างนั่นเอง
ลักษณะการใช้งานเหล็กเส้นกลม
- ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มากนัก
- ใช้ทำปลอกเสา
- ใช้ทำปลอกคาน
- ไม่นิยมสำหรับงานยึดเกาะเช่นปูน เพราะเหล็กมีผิวเรียบมน ไม่เหมาะกับงานยึดเกาะ
- ใช้ทำเป็นตะแกรงไวร์เมช ตะแกรงต่างๆ
ข้อพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเหล็กเส้นกลม
- ผิวของเหล็กต้องเรียบ เกลี้ยง ไม่มีลูกคลื่น ไม่มีปีก ไม่มีรอยแตก หน้าตัดต้องกลม ไม่เบี้ยว
- เส้นผ่าศูนย์กลางและน้ำหนักต้องถูกต้อง เช่น SR24 ขนาด 9 มม. เมื่อวัดเส้นผ่าศูนย์กลางต้องได้ 9 มม. น้ำหนักต้องได้ 0.499 กก./ 1 เมตร ความยาวทั้งเส้นตามมาตรฐานต้องยาว 10 เมตร เป็นต้น
- เมื่อดัดโค้งงอต้องไม่ปริแตกและหักง่าย
- เหล็กต้องไม่เป็นสนิมกินเข้าไปในเนื้อเหล็ก แต่หากเป็นสนิมบ้างบนผิวเหล็ก อาจเป็นเรื่องของสภาพอากาศของเมืองไทย ไม่ต้องกังวล
โลหะวิทยาของเหล็กกล้า
เหล็กเส้นที่ผลิตในประเทศไทยนั้น ในเชิงวิชาการจัดได้ว่าอยู่ในหมวดเหล็กกล้าคาร์บอน ซึ่งเป็นเหล็กที่ได้คุณสมบัติการใช้งานจากธาตุผสมเพียง 3 ธาตุ อันได้แก่ คาร์บอน ซิลิกอน และ แมงกานีส นอกจากเหล็กกล้าคาร์บอนแล้ว เหล็กกลุ่มอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ เหล็กกล้าเครื่องมือและเหล็กกล้าผสม มีธาตุผสมของโครเมี่ยม นิกเกิล วาเนเดียม เหล็กกล้าความเร็วสูง อันได้แก่ เหล็กกล้าสำหรับงานเชื่อม ที่มีแมงกานีสสูง เป็นต้น
เหล็กกล้าคาร์บอนที่ผลิตในประเทศไทย สามารถแบ่งย่อยได้เป็นสองกลุ่ม อันได้แก่ เหล็กกล้าที่มีธาตุคาร์บอนน้อยกว่า 0.25% เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำนี้ นำมาทำเหล็กลวดและเหล็กเส้น กลุ่มที่สองนี้ได้แก่ เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง มีคาร์บอนระหว่าง 0.25-0.35% เหล็กกลุ่มนี้เหมาะที่จะนำไปทำเหล็กข้ออ้อย
ขั้นคุณภาพ |
ส่วนประกอบทางเคมี |
||
คาร์บอนสูงสุด |
ฟอสฟอรัสสูงสุด |
กำมะถันสูงสุด |
|
SR24 | 0.28 | 0.058 | 0.058 |
ค่าแรงดึง และการยึดตัวที่เป็นข้อกำหนดการใช้งานของเหล็กกล้าคาร์บอน
โดยจะแบ่งได้เป็นสัดส่วนดังนี้
ส่วนผสมและอัตราส่วนการผสมของคาร์บอน ซิลิกอน แมงกานีส และในบางกรณีมีธาตุวานาเดียมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ความแข็งแรง แต่ขณะเดียวกัน ก็จะลดการยืดตัวของเหล็กเช่นกัน ในขณะที่แมงกานีสจะมีผลในการเพิ่มแรงดึงสูงสุดและการยืดตัว อย่างไรก็ตาม การปรับปริมาณของธาตุทั้งสาม ต้องให้กิดความสมดุล มิฉะนั้นจะทำให้เหล็กไม่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ
คุณภาพของเนื้อเหล็กระหว่างการหลอม และเท เป็นแท่ง เป็นส่วนสำคัญขั้นที่สอง เพื่อให้ได้เหล็กแท่งเนื้อสะอาด มีขนาดผลึก และการกระจายตัวทางเคมีที่สม่ำเสมอ
ประสิทธิภาพและวิศวกรรมของเครื่องรีดและการควบคุมการรีด โดยทางโรงงานเลือกใช้นวัตกรรมของเครื่องจักรสำหรับศตวรรษนี้ อันได้แก่เครื่องจักรทั้งชุด ควบคุมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ แท่นรีด เป็นระบบ H-V และมีระบบการปรับลดอุณหภูมิของเหล็กที่แม่นยำ
ขั้นคุณภาพ |
ความต้านแรงดึง |
ความต้านแรงดึง |
ความยืด (%) |
SR24 | ไม่น้อยกว่า 385 | ไม่น้อยกว่า 235 | ไม่น้อยกว่า 21 |
เหล็กข้อกลม กับ เหล็กข้ออ้อย ?
เหล็กเสริมในคอนกรีตแบ่งง่ายๆ เป็นสองประเภท คือ เหล็กเส้นกลม (Round Bars : RB) และเหล็กข้ออ้อย (Deformed Bars : DB) เหล็กเส้นกลมจะมีขนาดหน้าตัดประมาณตั้งแต่ 6 – 28 มม.ส่วนเหล็กข้ออ้อยจะมีขนาดหน้าตัดประมาณตั้งแต่ 10 – 40 มม. เหล็กทั้งสองประเภท จะมีการใช้งานที่แตกต่างกันโดยจะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นหลักเนื่องจากรับแรงได้ดีกว่า และใช้เหล็กเส้นกลม ขนาดหน้าตัดเล็กกว่าเป็นเหล็กปลอกรัดรอบเหล็กข้ออ้อยเป็นระยะๆ สังเกตง่ายๆ คือ
- ในเสาแนวตั้ง จะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นเหล็กยืน (ตั้งตลอดแนวเสา) และใช้เหล็กเส้นกลมเป็นเหล็กปลอกรัดรอบเหล็กยืนเป็นระยะๆ
- ในคานแนวนอน จะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นเหล็กนอน (ยาวตลอดแนวคาน) และใช้เหล็กเส้นกลมเป็นเหล็ก ปลอกรัดรอบเหล็กนอกเป็นระยะๆ และเมื่อมาถึงคำถามที่ว่า
APPLICATIONS
สำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก
OUR CUSTOMER
เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในส่วนของภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนโครงการต่างๆ มากมาย เป็นความภาคภูมิใจ ในการพัฒนาองค์กรของเราให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น